สถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา บ้านราชาวดี ( ผู้พิการซ้ำซ้อน ) คือสถานที่แห่งบุญกุศลและความสบายใจสำหรับเกษม โดยครั้งนี้เขามาเพื่อมอบความอบอุ่นแก่น้องๆ ผู้น่าสงสาร พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้อ่อนด้อยทางปัญญา แต่ก็มีลมหายใจและต้องการรอยยิ้มเหมือนทุกๆ คนในสังคมไทย
เกษม เล่าว่าปีนี้ก็เหมือนเช่นกันทุกปีที่ผ่านมาคือ มีความตั้งใจที่จะแบ่งปันความสุขให้กับหนูน้อยเหล่านี้ไม่เปลี่ยนแปรไป โดยครั้งนี้มาด้วยน้ำเสียงอันบ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ของจิตใจ ซึ่งไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น ผมมองว่าการเป็นผู้ให้มันมีความหมายมากมายหนักหนาสำหรับความรู้สึกคน และการให้ของผมไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทนทั้งสิ้น ผมมักจะพูดกับเพื่อนๆ ร่วมงานหรือผู้ใกล้ชิดเสมอว่า “ผมไม่ต้องการอะไรจากคุณ แต่ผมทำทุกอย่างเพื่อคุณ”
เขาร้องเพลงให้น้องๆ ที่สถานสงเคราะห์ฟัง เนื่องจากความเป็นนักร้องอาจเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผ่อนคลายอารมณ์ ในโลกอันสดใสของหนูน้อยเหล่านี้ได้ การให้ของเขาสำหรับวันเกิดถือเป็นการเสียสละเพียงน้อยนิดที่เศษเสี้ยวหัวใจคนในสังคมไทยควรแบ่งปันให้กันในเมื่อมีโอกาส นอกจากนี้เกษมยังกล่าวถึงการทำบุญในมุมมองตัวเขาว่า
“การทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อความสบายใจ และผลของการกระทำนำมา ซึ่งความอิ่มเอมในความรู้สึกสำหรับทุกฝ่ายสิ่งนั้นคือบุญครับ ทุกครั้งที่ได้ช่วยเหลือคนหรือว่าได้ทำอะไรเพื่อสังคม ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นบวกหรือว่าว่างเปล่าก็ตามแต่ ในเมื่อผมสบายใจแล้วไม่มีใครเดือดร้อนถือว่าเป็นที่สุดของการทำบุญของผมครับ”
“ปีนี้วันเกิดของผมก็ได้หวนคืนกลับมาเยี่ยมน้องๆ บ้านราชาวดีอีกครั้ง เพื่อเป็นการมอบกำลังใจให้กับน้องๆ และบรรดาเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลทุกคน โดยเจ้าหน้าที่เหล่านี้เป็นผู้มีความเสียสละเป็นอย่างมากรู้สึกเห็นใจพวกเขา วันๆ ต้องคอยดูแลทุกอย่างแทบจะไม่มีเวลาแม้แต่จะทานข้าว เนื่องจากเด็กๆ ที่นี่จะมีความแตกต่างกัน บางคนอาจแสดงออกมาในแบบดื้อเงียบ หรือว่าเล่นซุกซนตามประสาเขา แต่มีผู้ดูแลเหล่านี้จึงทำให้มีระเบียบขึ้นมา อาจจะเรียกได้ว่าระเบียบการครื้นเครงซึ่งน่ารักอีกรูปแบบนะครับ”
เจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์ เล่าให้ฟังว่า น้องๆ ที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลผู้น่าสงสารบางรายพ่อแม่นำมาฝากแล้วก็หายไปเลย หรือว่ามาเยี่ยมเยียนบ้างแต่นานๆ ครั้งจนกระทั่งลืมไปเลยก็มี แต่ผู้ดูแลทุกคนที่นี่ก็จะทำหน้าที่ต่อไปด้วยความผูกพันต่อกันแม้เขาจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ก็รักเขาเหมือนลูกตัวเองทุกคน
ผู้ดูแลหนูน้อยบ้านราชาวดีบอกอีกว่า อยากให้ทุกคนในสังคมหันมาดูแลพวกหนูน้อยเหล่านี้บ้าง แม้ไม่มีสิ่งของหรือเงินทองมาบริจาค เพียงแค่แวะไปบ้างเข้าไปดูว่าพวกเขาอยู่กันอย่างไร ไปนั่งเล่นพูดคุยกับหนูน้อยเหล่านี้ เพื่อให้มีรอยยิ้มออกมาบ้างจะเป็นการส่งความสุขอย่างเต็มที่แล้ว และแววตาของพวกเขาน่าสงสารมาก เมื่อมีรอยยิ้มมีเสียงหัวเราะขึ้นมา ในแววตานั้นจะเปล่งประกายระยิบแห่งความบริสุทธิ์ ออกมาให้เห็นอย่างเต็มที่ เมื่อมีรอยยิ้มออกมานั่นแหละคือสิ่งที่ต้องการมากที่สุดสำหรับทุกสถานสงเคราะห์
เจ้าหน้าที่รายเดิมเล่าให้ฟังอีกว่า “มีอยู่สิ่งหนึ่งที่หนูน้อยบ้านราชาวดีชอบมากเป็นพิเศษคือเสียงเพลง เสียงดนตรี เมื่อมีผู้ใจบุญนำสิ่งเหล่านี้มามอบให้ พวกเขาจะมีความสุขแบบเต็มที่ ซึ่ง เกษม คมสันต์ มาร้องเพลงให้หนูน้อยฟังในครั้งนี้ เนื่องในวาระครบรอบวันเกิด ก็ถือได้ว่าเป็นการทำบุญที่ได้อานิสงส์เป็นอย่างมาก เนื่องจากได้ให้ในสิ่งที่ผู้รับต้องการและอยากได้ แล้วผู้นำมามอบให้ คือ เกษม คมสันต์ ก็มีความสุขกลับไป นี้คือสุดยอดแห่งบุญที่ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า แต่ส่งผลให้เห็นในเดี๋ยวนั้นเลย นี้คือการทำความดี ผมเชื่ออย่างนั้น”
ก่อนลาจากหนูน้อยบ้านราชาวดี เกษมได้บอกกับทุกคนในที่นั้นว่า “ผมจะหาโอกาสกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ และจะเชิญชวนเพื่อนๆ นักร้อง นักดนตรีมาเปิดแสดงให้ชมกันอีก เพราะรอยยิ้มใสๆ บวกกับแววตาอันบริสุทธิ์เป็นภาพที่ตราตรึงในความทรงจำอันสบายใจของผมทุกครั้ง”
แววตาหนูน้อยผู้น่าสงสาร ผสานแววตานักร้องผู้เมตตา เป็นภาพที่ออกมาแบบไม่มีการแสแสร้งใดๆ ทั้งสิ้น เพราะต่างฝ่ายต่างมีความจริงใจ ซึ่งผิดกับภาพปัจจุบันในสังคมแห่งการแข่งขันอย่างทุกวันนี้มาก โดยผู้คนในสังคมเรานี้มักจะชอบซ่อนงานศิลป์อันเป็นปฏิมากรรมบนใบหน้าเมื่อพบกันทั้งสิ้น แต่มีเพียงแววตาเท่านั้นที่ไม่โกหกใครถ้าไม่จำเป็น
สำหรับทุกท่านที่คิดอยากจะทำบุญด้วยการทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคม ผู้เขียนอยากจะขอนำเสนอรูปแบบการทำบุญอย่างนี้บ้าง ซึ่งสถานสงเคราะห์บ้านราชาวดีแห่งนี้ก็เป็นอีกที่หนึ่ง เมื่อเข้าสัมผัสกับเขาแล้ว จะมีความรู้สึกผูกพัน อยากช่วยและจะได้รับความสบายใจกลับมาแน่นอน โดยท่านสามารถส่งมอบความอบอุ่นพร้อมความช่วยเหลือได้ที่ สถานสงเคราะห์บ้านราชาวดี 78/6 หมู่ 1 ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โทร. 02-5838426